มงต์ แซงต์ มิเชล

มงต์ แซงต์ มิเชล (Mont Saint-Michel)

มงต์ แซงต์ มิเชล  (Mont Saint-Michel) เมื่อพูดถึงที่คุมขัง หรือ ที่เรียกว่าคุก ใครก็ก็ต้องวาดฝันว่ามันจะต้องน่ากลัว และ ดูโหดร้ายมากเพราะในเมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคุกแล้วใครๆก็ต้องคิดแบบนั้นกัน แต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่ซึ่งเคยเป็นที่คุมขังของเหล่านักโทษ นั้นก็คือ มงต์ แซงต์ มิเชล บางคนอาจรู้จักอีกชื่อว่า วิหารกลางน้ำนั้นเอง ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆของฝรั่งเศสรองลงมาจาก หอไอเฟล และ พระราชวังแวร์ซาย แต่เดิมนั้นเมืองกลางน้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นคุกมาตั้งแต่แรก แต่เดิมนั้นเมืองกลางน้ำแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อวัด หรือโบสถ์นั้นเอง มีตำนานเล่าว่า ในสมัยก่อนนั้นก่อนที่จะมีการสถาปนาราชวงศ์แรกของฝรั่งเศสขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8 เกาะแห่งนี้เคยถูกเรียกว่า มงตงบ์ (Mont Tombe) และตามตำนานเล่าว่าวิหารที่อยู่บนเกาะนี้ถูกสร้างขึ้น โดยการแนะนำของเทวดามิแชล ที่ได้มาเข้าฝันกับนักบุญโอแบร์ ซึ่งเป็นบิชอปแห่งมาฟร็องช์ เมื่อปี พ.ศ. 1251หรือราว 764 ปี แต่เขาก็มิได้ปฏิบัติตาม เพราะนึกว่าปีศาจได้มาเข้าฝันเขาจึงได้เพิกเฉยไป จนได้มาถึงการฝันครั้งที่ 3 เทวดามิแชลได้ใช้นิ้วของเขาจิ้มที่หัวของบิชอปโอแบร์ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้ตะลึงว่ามีรูอยู่บนหัวจริง ๆ จากนั้นมาเขาจึงตัดสินใจสร้างวิหารบนยอดเขาขึ้น โดยตัวเกาะอันเป็นที่ตั้งของวิหารนั้น เป็นหินแกรนิต โดยมีเส้นรอบวงเกาะประมาณ 960 เมตร และสูง 92 เมตร แล้วถ้าบวกกับความสูงของตัววิหารนั้นแล้วก็จะมีความสูงถึง 155 แมตร บนยอดวิหารเป็นรูปปั้นทองของเทวดามิเชล (ไมเคิล) สร้างโดย เอมานูแอล เฟรมีเย (Emmanuel Frémiet)

มงต์ แซงต์ มิเชล

ราวคริสต์ศตวรรษที่ 11-16 ได้มีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเพิ่มเติมขึ้นภายในเกาะ และมีประชาชนย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น เลยทำให้มีการตั้งหมู่บ้านขึ้นมาที่เชิงเขา และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการป้องกันตัวเอง ทำให้เกาะแห่งนี้ถูกใช้เป็นทั้งที่มั่นทางทหารด้วย นอกเหนือจากศาสนสถาน และยังสามารถต้านทานการบุกของอังกฤษ ในช่วงสงครามร้อยปี (ค.ศ. 1337-1453) ขณะเดียวกันคณะสงฆ์ของวิหารแห่งนี้ก็เพิ่มความมั่งคั่งและอิทธิพลขึ้น แต่ก็กลับตกต่ำลงเมือถึงยุคการปฏิรูปศาสนา (reformation)
และในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส เนื่องจากที่วิหารกลางน้ำแห่งนี้ไม่มีพระจำพรรษา ตัววิหารจึงได้ถูกเปลี่ยนเป็นที่คุมขังนักโทษสำคัญทางการเมือง จนกระทั่งวิกตอร์ อูโก ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ ให้คืนความเป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางสถาปัตยกรรมของชาติ และในเวลาต่อมานั้นในที่สุดก็ได้มีการยกเลิกการเป็นเรือนจำ และวิหารกลางน้ำก็ได้ถูกเปลี่ยนสถานะให้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในปีค.ศ. 1874 ราวๆ141 ปีที่แล้ว

มงต์ แซงต์ มิเชล (Mont Saint-Michel) ยุคปฏิวัติฝรั่งเศส

ต่อมาในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส วิหารแห่งนี้ก็ร้างผู้คนจนถูกนำมาใช้เป็นคุกคุมขังนักโทษสำคัญแทน ในปี ค.ศ. 1836 กลุ่มปัญญาชนของฝรั่งเศส รวมทั้ง Victor Hugo (ผู้แต่งเรื่อง Les Miserables และ The Hunchback of Notre-Dame ซึ่งเป็นทั้งนักประพันธ์และผู้มีอิทธิพลทางความคิดคนสำคัญในยุคนั้น) ได้พากันเรียกร้องให้อนุรักษ์มรดกสำคัญของชาตินำไปสู่การเลิกใช้คุกในปี

ต่อมาในปี ค.ศ. 1966 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 1,000 ปี ของการก่อตั้งวิหาร คณะสงฆ์และเหล่าผู้แสวงบุญเริ่มกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้งจนถึงปี 1979 องค์การ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้ Mont Saint-Michel เป็นมรดกโลกทั้งทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และความสวยงามตามธรรมชาติ ในปัจจุบันนี้ Mont Saint Michel เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนมาเข้าชมมากกว่าปีละ 3 ล้านคน
ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอายุ และ ประวัติที่ยาวนานมากแห่งหนึ่่ง ถ้าใครได้เดินทางไปเยือนฝรั่งเศลอย่าลืมที่จะแวะไปเที่ยวเมืองกลางน้ำแห่งนี้เด็ดขาด………………ดูรายการทัวร์ฝรั่งเศส.

คุณต้องเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น.